วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2561

การหาผลบวกของจำนวนจนับที่เรียงกัน เป็นเลขคู่หรือเลขคี่

การหาผลบวกของจำนวนจนับที่เรียงกัน เป็นเลขคู่หรือเลขคี่
กรณี นี้ นิยมนำไปออกข้อสอบแต่โจทย์จะเป็นลักษณะการให้ตีความ นะครับ  เราก็ต้องมาทำความเข้า ใจ ว่า
เลขคู่คือก็คือ 2,4,6,8,10,12,14....
เลขที่ก็คือก 1,3,5,7,9,11,13,15...
สูตรที่นำมาใช้ก็คือ
และ

เมื่อ a1 คือ สมาชิกตัวแรกของลำดับ
  an คือ สมาชิกตัวสุดท้ายของลำดับ
คือผลต่างร่วม หาได้จากสมาชิกตัวที่สอง – สมาชิกตัวแรก (a1-a2)
จะสังเกตุเห็นว่า ผลต่างรวม หรือค่า ของ  d คือ 2  มาดูตัวอย่าง
ตัวอย่างที่ 1 จงหาผลรวมของเลขคี่ตั้ง 20 ถึง 80 เท่ากับเท่าใด
วิธีทำ มาดูว่า เลขคู่่ จาก 20 ถึง 80 ที่จะหาคือตัวไหนบ้าง
จะเห็นว่า เลขทคี่ตัวแรกคือ 21  ตัวสุดท้ายคือ 79 แสดงว่า a1 คือ  21  an คือ 79  คือ 2 
จะลำดับก็จะเป็น 21,23,25...79 ,มีผลต่างรวมคือ d = 23-21 = 2 
จะได้  
n = 29+1 = 30
ลำดับมีสมาชิก 30 จำนวน 
จะได้ 
= 15x 100 = 1,500
ตอบ ผลรวมจำนวน เลขคี่จาก 20 ถึง 80 คือ 1,500

***ข้อควรจำ***
ผลต่าง หาได้จากจำนวนมากลบกับจำนวนน้อย  ***
ตัวอย่าง   จากลำดับที่ 3,4,5,6....11 ผลบวกของเลขคู่กับเลขคี่ต่างกัน เท่าไร 
เลขคี่คื 3,5,7,911 ผลรวมได้ 35
เลขคุ่คือ 4,6,8,10 ผลรวมคือ 28 
ผลต่างของเลขคุ่กับเลขคี่ ต่างกัน 35-28 = 7 

การหาผลบวกของจำวนนับที่ไม่ได้เริ่มตันจาก 1...

การหาผลบวกของจำวนนับที่ไม่ได้เริ่มตันจาก 1...
ก็จะมีวิธีทำเช่นเดียวกันกับ การผลบวกของจำนวนนับที่เริ่มต้นด้วย 1 นะครับ มาดูวิธีทำกัน
ขั้นที่ 1 สูตร
ขั้นที่ 2 สูตร 
เมื่อ a1 คือ สมาชิกตัวแรกของลำดับ
  an คือ สมาชิกตัวสุดท้ายของลำดับ
คือผลต่างร่วม หาได้จากสมาชิกตัวที่สอง – สมาชิกตัวแรก (a1-a2)

ตัวอย่าง 1 กรณี จำนวนนับเรียงกัน แต่ไม่ได้เริ่มจาก 1...ให้หาผลรวมของตัวเลข 23,24,25....120
วิธีทำ ขั้นที่ 1 หาจำนวนสมาชิก ในดับ (n)

สมาชิกตัวแรก a1 = 23  สมาชิกตัวสุดท้าย an = 120
d  = a2-a1= 24-23 = 1
จะได้ 
  
=  97+1
= 98
แสดงว่า มีสมาชิกในลำดับ 98 จำนวน 
ขึ้นที่ 2 หาผลบวกรวม
จะได้ 
=  49 x 142 = 7,007  
ตอบ = 7,007 

ตัวอย่าง 2 จำนวนนับ ที่ไม่ได้เริ่มจาก 1 และไม่เรียงกัน จงหาผลรวมของจำนวนนับต่อไปนี้ 3,7,11,15...143
ธีทำ ขั้นที่ 1 หาจำนวนสมาชิก ในดับ (n)

สมาชิกตัวแรก a1 = 3  สมาชิกตัวสุดท้าย an = 143

d  = a2-a1= 7-3 = 4
แทนค่าจะได้ 
n = 35+1 = 36
แสดงว่ามีสมาชิกจำนวน 36 จำนวน 

ขึ้นที่ 2 หาผลบวกรวม
แทนค่า จะได้ 
18x 146 =  2,628 
ตอบ 2,628







วันพุธที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2561

การหาผลบวกของจำนวนหลายจำนวนเรียงกัน

ผลบวกของจำนวนนับที่เริ่มต้นจาก 1 ถึง n 
 ให้ a1,a2,a3,a4...,an เป็นลำดับที่มีสมาชิก n ตัว
สูตร การคำนวณ 

และ

                                         
เมื่อ a1 คือ สมาชิกตัวแรกของลำดับ
  an คือ สมาชิกตัวสุดท้ายของลำดับ
d คือผลต่างร่วม หาได้จากสมาชิกตัวที่สอง – สมาชิกตัวแรก (a1-a2)
 ตัวอย่างที่ 1 จงหาผลรวมของตัวเลข 1,2,3,4,5...,40 
วิธีทำ ให้ หา 2 ขั้น ตอน คือ หาจำนวน สมาชิกก่อน และ ขั้นตอนที่ 2 หาผล โดยวิธีแทนค่าในสูตรเลย
การหาจำนวนสมาชิก  สูตร
เมื่อ a1 คือ สมาชิกตัวแรกของลำดับ = 1
  an คือ สมาชิกตัวสุดท้ายของลำดับ = 40
d คือผลต่างร่วม หาได้จากสมาชิกตัวที่สอง – สมาชิกตัวแรก (a1-a2) =   2-1 = 1

= 39+1
=40
แสดงว่าจำนวนสมาชิก มีทั้งหมด 40 จำนวน


ขั้นตอนที่ 2 หาผลบวกรวมด้วยสูตร 
  
จะได้   s40

ผลก็คือตอบ 820 


ตัวอย่างที่ 2 จงหาผลรวมของ ตัวเลข 1,4,7,10...,88
วิธีทำ สังเกตุตัวเลขจะเพิ่มขึ้นละที่ 3
ขั้นที่ 1 หาจำนวนสมาชิกจาก สูตร
แทนค่าเข้าไปจะได้   an-a1   = 88-1 = 87 
นำมาหารด้วย   d ค่า คือ a2-a1= 3
แสดงว่าจำนวนสมาชิกมีทั้งหมด 30 จำนวน 

ขั้นที่ 2 หาผลบวก ใช้สูตร



แทนค่าในสูตรจะได้ดังนี้ 
= 15x 89 =1,335   
คำตอบคือ 1,335 

ตัวอย่างที่ 3  จงหาผลรวมของตัวเลขจำนวน 1,3,5,7...,65
วิธีคิดแบบแทนสูตรไวๆ กันเลย 

n= 65 -1 ได้ 64 หารด้วย 2 ได้ 32 + 1 = 33


จะได้ผลรวม 1,089 

***ไปทดลองทำดูให้คล่องๆ นะครับ สำหรับจำนวนที่เริ่มต้นจาก 1  ต่อไปจะพาไปทำ การหาผลรวมของจำนวนนับที่ไม่ได้ เริ่มต้นจาก 1 รอวันถัดไปครับ 








ผลบวกของเลขหลายจำนวนเรียงกัน

 ผลบวกของเลขหลายจำนวนเรียงกัน

      1. เลขหลายจำนวนที่เริ่มต้นจาก 1

      สูตร     ผลบวก =( (ต +ป)*ป)/2

       ( ต= เทอมต้น , ป= เทอมปลาย)

     เช่น ผลบวกเลขเรียงกัน จาก 1 ถึง 25 =  ((1+25)*25)/2=325

     2.เลขหลายจำนวนที่ไม่ได้เริ่มจาก 1

       สูตร  ผลบวก =  ((ต + ป)*ท)/2 

          (ท (จำนวนเทอม)  = ปลาย-ต้น+1)

       เช่น  ผลบวกของเลของเรียงกันจาก 50 ถึง 100

              (  ท =  100-50+1=51)

               ((50+100)*ท)/2 = ((50+100)*51)/2= 3825

     

   


 3. เลขหลายจำนวนเรียงกันเฉพาะเลขคู่ หรือเลขคี่

    สูตร ผลบวก= ((ต+ป)*ท)/2

      (ท = (ปลาย-ต้น)/2)+1)

    เช่น ผลบวกเลขคู่เรียงกันจาก 10 ถึง 20 = ((10+20)*ท)/2

             ท=((20-10)/2)+1=6       ;                =((10+20)*6)/2 = 90

            ผลบวกเลขคี่เรียงกันจาก 1 ถึง 15   = ((1+15)*ท)/2

             ท= ((15-1)/2)+1 = 8      ;                = ((1+15)*8)/2 =  64

4.ผลบวกของเลขหลายจำนวนเรียงกันและจำนวนเทอมเป็นเลขคี่

        สูตร  จำนวนกลาง = ผลบวกของเลขทุกจำนวน/จำนวนเทอม

        เช่น เลข 5 จำนวนเรียงกันได้ 200 จงหาเลขทั้ง 5 จำนวน

                จำนวนกลาง = 200/5 = 40

             เลขทั้ง 5 จำนวน ก็คือ  38  39  40  41  42

5.ผลบวกของเลขหลายจำนวนเรียงกันและจำนวนเทอมเป็นเลขคู่

    สูตร  ค่าระหว่างคู่กลาง = ผลบวกของเลขทุกจำนวน/จำนวนเทอม 

      เช่น เลข  4 จำนวนเรียงกันรวมกันได้ 66 จงหาเลขทาง 4 จำนวน

             ค่าระหว่างคู่กลาง  = 66/4 = 16.50

            เลขทั้ง 4 จำนวนคือ 15  16  16.50  17  18 

การหาผลบวกของจำนวนจนับที่เรียงกัน เป็นเลขคู่หรือเลขคี่

การหาผลบวกของจำนวนจนับที่เรียงกัน เป็นเลขคู่หรือเลขคี่ กรณี นี้ นิยมนำไปออกข้อสอบแต่โจทย์จะเป็นลักษณะการให้ตีความ นะครับ  เราก็ต้องมาทำความ...